ตอนที่ 2 :เปิดบันทึกสวรรค์ยุทธ์



 ณ เมืองที่จางลั่วเฉินอยู่ในตอนนี้มีชื่อว่า ”หยุนอู มลฑลจุ้น ”  ซึ่งเป็นหนึ่งในนับพันเมืองของดินแดนคุนหลุน
ในทุก มลฑล เป็นส่วนหนึ่งของดินแดนกลาง ในทุกๆปีจะต้องจ่ายส่วยและภาษีให้กับดินแดนกลาง



ผู้ปกครองของ มลฑลจุ้น ก็คือ “ราชาจุ้น"


   
และสถานะของจางลั่วเฉินในตอนนี้ก็คือ ลูกชายคนที่เก้าของราชาจุ้นหยุนอู



จางลั่วเฉินที่นอนอยู่บนเตียงไม้แข็งและเย็นเฉียบ ยังคงคิดถึงเรื่องพิธีกรรมของวันพรุ่งนี้


   
“เจ้าของเก่าของร่างนี้ อายุสิบหกแต่ไม่เคยเปิดบันทึกสวรรค์ยุทธ์ จะต้องเป็นคนที่ถูกเทพสวรรค์ทอดทิ้งแน่ ข้าต้องทำยังไง ถึงจะมีโอกาสได้เปิดบันทึกสวรรค์ยุทธ์ ? "



ในดินแดนคุนหลุน หากต้องการที่เปิดบันทึกสวรรค์ จะต้องได้รับการยอมรับจากเทพสวรรค์



ถูกเรียกว่าสิทธิ์แห่งเทพสวรรค์



ในงานพิธีกรรม ปรากฏแม่น้ำสวรรค์ออกมาระหว่างดินแดนคุนหลุนและดินแดนสวรรค์ที่เชื่อมต่อทั้งสองดินแดน  เมื่อเทพสวรรค์ได้กินของที่นำมาบูชาแล้ว ก็จะให้บันทึกสวรรค์ยุทธ์แก่มนุษย์ที่มีพรสวรรค์ เพื่อช่วยพวกเขาเปิดประตูแห่งการฝึกฝน



ยิ่งคนที่มีพรสวรรค์มากเท่าไหร่ โอกาศที่จะได้บันทึกสวรรค์ก็มีมากเท่านั้น


ชีวิตก่อนของจางลั่วเฉิน ได้เปิดบันทึกสวรรค์ยุทธ์ตั้งแต่อยู่ในครรภ์ ซึ่งนั่นคืออัจฉริยะ



แต่ในร่างนี้กับมีอายุสิบหกแต่กลับไม่เคยเปิดบันทึกสวรรค์ยุทธ์  โดยปกติแล้วคนพวกมักจะเป็นคนที่เทพสวรรค์ทอดทิ้ง ถึงแม้พรุ่งนี้ไปเข้าร่วมพิธีกรรม ก็อาจจะไม่สามารถเปิดบันทึกสวรรค์ยุทธ์ได้



จางลั่วเฉินนอนไม่หลับ เขาลุกขึ้นนั่งบนเตียง ในมือถือหินอัญมณีขาวรูปร่างคล้ายพุทรา ทั้งสองดานคมกริบ ตรงกลางโปร่งใส ไม่มีอะไรเจือปนแม้แต่น้อย



เขาเริ่มสังเกตแร่หินอัณญมณีขาวนี้ บางที มันอาจจะสามารถช่วยทำให้เทพสวรรค์ยอมรับ และเปิดบันทึกสวรรค์ยุทธ์ได้

แร่หินอัณญมณีขาวเป็นของขวัญอายุครบสิบหกปีที่จักรพรรดิหมิงให้เขามา



จางลั่วเฉินก็ไม่รู้ว่าของสิ่งนี้แท้จริงแล้วคืออะไร เขาเพียงแค่ใส่มันติดตัวเอาไว้ ไม่คิดว่า มาถึงแปดร้อยปีให้หลัง มันยังคงอยู่ที่ตัวของเขา



“ที่ข้ามาถึงแปดร้อยปีหลังได้ ไม่แน่อาจจะเกี่ยวข้องกับมัน"



จางลั่วเฉินกำแร่หินอัณญมณีขาวเอาไว้ในมือแน่น ดวงตาทั้งสองข้างปิดลง ในหัวปรากฏภาพเงาของพ่อเขาจักรพรรดิหมิง ไม่รู้ว่าตอนนี้พ่อจะยังอยู่บนโลกนี้หรือไม่ ?


  
คืนนี้ ในเมืองหลวงมีหิมะตกทั่วฟ้า


เช้าวันที่สอง ทั่วทั้งเมืองหลวงปกคลุมไปด้วยหิมะที่หนาแน่น ทั้งที่นั่งพระราชวัง บันได พื้น ล้วนแต่มีหิมะปกคุมอยู่



วันนี้เป็นวันที่หนาวที่สุดของทั้งปี



จอมยุทธ์ของเมืองหลวง ต่างมารวมตัวกันที่ด้านนอกห้องโถง เพื่อที่จะพาราชาจุ้น มาบูชาเทพสวรรค์



ด้านนอกห้องโถง มีโต๊ะหินบูชาโบราณตั้งอยู่ บนโต๊ะเต็มไปด้วยของบูชามากมาย ทั้ง วัว แกะ หมู และยังมีสัตว์ขนาดใหญ่อีกหลายชนิด



ผู้ดูแล ผู้ฝึกฝน เจ้าชาย  ต่าง ๆ มากมายมาเพื่อที่จะมาดูการเปิดบันทึกสวรรค์ยุทธ์ของเด็กหนุ่มและเด็กสาว ยังมีทั้งเด็กทารกที่เข้าร่วมงานครั้งนี้



พิธีในครั้งนี้ไม่ใช่แค่ในเมืองหลวง แต่ละเมืองต่าง ๆ ใน มลฑลจุ้น แต่ละเมือง แต่ละหมู่บ้านจะต้องนำของมาบูชา



“ฮ่าฮ่า องค์ชายเก้า เจ้าก็อายุสิบหกแล้ว ถึงแม้จะสามารถเข้าร่วมพิธีได้ ก็ไม่ใช่ว่าจะเปิดบันทีกสวรรค์ยุทธ์ได้หรอกนะ มาเพื่อขายขี้หน้าคนอื่นหรอ ? ”



องค์ชายแปดจางจี้ เอามือทั้งสองทาบไว้ข้างหลัง ก่อนจะหัวเราะเยาะเย้ยออกมา



องค์ชายหกที่ยืนอยู่ข้างๆองค์ชายแปด กล่าวด้วยสีหน้าเย็นชาว่า



“ที่เขาบอกว่ามังกรเก้าชีวิต จะต้องมีอะไรที่ไม่เหมือนกัน ท่านพ่อเป็นถึงวีรบุรุษ แต่กลับให้กำเนิดขยะแบบเจ้า อายุสิบหกแล้ว แต่ไม่เคยเปิดบันทึกสวรรค์ยุทธ์ ตระกูลหวังต้องขายหน้าก็เพราะเจ้า เจ้ายังอยู่บนโลกนี้ทำไม ? ทำไมไม่ตาย ๆ ไปซะละ ? "


คำพูดที่พูดออกมา ล้วนแต่มาจากเสียงในใจขององค์ชายทั้งนั้น



ความสัมพันธ์ของคนในตระกูลจักรพรรดิหวังบอบบางเป็นอย่างมาก ดูจากสถานการณ์นี้น่าจะสะท้อนให้เห็นได้มากที่สุด



ในดินแดนคุนหลุน คนที่สามารถเปิดบันทึกได้มีไม่มาก สิบคนมากสุดก็มีแค่หนึ่งคน พูดได้ว่า จอมยุทธ์แต่ละคนนั้นมีพลังที่สูงส่ง


เมื่อพูดถึงจอมยุทธ์แล้ว ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง จอมยุทธ์ระดับสูงจะมีสายเลือดที่แข็งแกร่ง พอมาถึงรุ่นหลังก็จะถูกสืบทอดมาทำให้ผู้ที่มีเลือดแข็งแกร่งนั้นแข็งแกร่งมากขึ้น อันตราการเปิดบันทึกก็จะมากขึ้นตามไปด้วย



ราชาหยุนอูจุ้นมีลูกชายทั้งหมดเก้าคน ทั้งหมดแปดคนสามารถเปิดบันทึกสวรรค์ยุทธ์ได้หมด มีเพียงจางลั่วเฉินคนเดียวที่อายุสิบหกแล้ว ยังคงไม่สามารถเปิดบันทึกได้ ทำให้เขากลายเป็นตัวตลกของราชวงค์



ผู้คนต่างหัวเราะเรียกเขาว่า”พ่อเก่งแต่ลูกไม่เอาไหน"



มีทั้งข่าวลือว่าจางลั่วเฉินไม่ใช่ลูกชายของราชาหยุนอูจุ้น ถึงแม้จะเป็นข่าวลวง แต่ก็ทำให้ผู้คนในตระกูลต่างขายหน้า


ดังนั้น องค์ชายคนอื่น ส่วนมากต่างคิดว่าจางลั่วเฉินเป็นตัวอัปยศของตระกูล เดิมที่ไม่อยากจะนับเขาเป็นน้อง อยากจะให้เขาตายไว ๆ



เมื่อไม่กี่ปีนี้



ราชาหยุนอูจุ้นห่างไกลกับจางลั่วเฉินและหลินเฟยเป็นอย่างมาก เขาได้อยู่กับนางสนม พวกองค์ชายจึงได้กลั่นแกล้งเขา เมื่อคืน จางลั่วเฉินและหลินเฟยถูกขับไล่ออกมาจากห้องโถงให้ย้ายไปอยู่ที่ห้องโถงข้างแทน


จางลั่วเฉินได้แต่ยืนอยู่เงียบๆ ไม่สนใจองค์ชายหกแลองค์ชายแปด



หากไม่มีพลังมากพอ ก็จะตกเป็นขี้ปาก คนอื่นก็จะมองดูถูกและเหยียดหยาม


หลินเฟยยืนอยู่กับพระมเหสีองค์อื่น  เมื่อเห็นจางลั่วเฉินที่ถูกรังแก ในใจของนางเจ็บปวดจนถึงที่สุด แต่ว่านางก็ไม่อาจจะทำอะไรได้เลย



“พิธีกรรมเริ่มได้ ! "



คนสนิทของราชาหยุนอูจุ้นยืนอยู่บนแท่นหิน ถือม้วนคัมภีร์ก่อนจะเปิดอ่าน



หลังจากนั้นบนแท่นหิน ก็มีสาวสวยที่มีเสียงสง่างามนางสวมชุดหลากสี มีเครื่องดนตรีต่าง ๆ มากมายนับสิบหกชนิด

จากนั้น เลือดสัตว์ที่วังเวยเริ่มไหลรินออกมาเพื่อเฉลิมฉลองวันบูชา



“ว้าวว~”



เลือดเข้มข้ม กลายมาเป็นเส้นแสงเส้นใหญ่ ทำลายชั้นเมฆ พุ่งไปสู่ท้องฟ้าอันกว้างใหญ่



ทันในนั้น ได้มีดวงดาว หล่นลงบนคิ้วของเด็กอายุหกปี ก่อนจะรวมเข้าไปในร่าง เป็นสัญลักษ์สีแดง “บันทึกสวรรค์ยุทธ์"



เสียงกลุ่มคน โห่ร้องออกมา



“ลูกชายคนสุดท้องของเซวียตูท่ง แค่หกปีก็สามารถเปิดบันทึกสวรรค์ยุทธ์ได้แล้ว ! "



“ตราสัญลักษณ์สีแดง เท่ากับบันทึกสวรรค์ยุทธ์ระดับสี่ อัจฉริยะจริง ในอนาคตจะต้องมีพลังไร้ขีดจำกัดแน่ ! "



บันทึกยุทธ์สวรรค์มีทั้งหมดเก้าระดับ ตั้งแต่หนึ่งถึงเก้า



บันทึกยุทธ์สวรรค์ระดับหนึ่งจะอ่อนแอมีพลังน้อย บันทึกสวรรค์ระดับเก้าจะแข็งแกร่งและมีพลังเยอะ



ผู้คนต่างมองดูด้วยสายตาอิจฉา จับจ้องไปที่เด็กน้อยอายุหกปี



อายุหกปีก็สามารถเปิดบันทึกสวรรค์ระดับสี่ได้ เด็กคนนี้มีพรสวรรค์ ในภายภาคหน้าจะต้องแข็งแกร่งแน่



ท่ามกลางสายตาจอมยุทธ์ มีผู้ชายร่างกำยำห้าวหาญทุบอกตัวเอง พลางหัวเราออกมาอย่างตื่นเต้น



“ยอดเยี่ยม!สมแล้วที่เป็นลูกชายจองข้า คืนนี้ข้าเลี้ยงเอง พวกท่านทุกคนต้องมาเข้าร่วมนะ ฮ่าฮ่า"



“ว้าว ! "



บทท้องฟ้า มีดวงดาวหลายดวยล่วงลงมาที่คิ้วของเด็กสาวคนหนึ่ง ปรากฏ สัญลักษณ์สวรรค์ยุทธ์



แต่ในนั้น เป็นบันทึกสวรรค์ยุทธ์ระดับหนึ่งค่อนข้างมาก ระดับสองนั้นก็น้อยมาก คนที่เก่งที่สุดก็คือเด็กหกปีคนนั้น ที่ได้ถึงระดับสี่ ทำให้ผู้คนต่างจับตามอง



คนที่มาเปิดบันทึกได้ มีน้อยมาก มีเพียงแค่สิบเปอร์เซ็นของคนทั้งหมด ทุกคนต่างตื่นเต้นกับการได้รับการยอมรับจากเทพสวรรค์ เมื่อเปิดประตูสู่วิถียุทธ์



มีชายหนุ่มหญิงสาวบางคนที่ไม่สามารถบันทึกได้พวกเขาพูดไม่ออก พวกเขาเสียใจมาก บ้างก็ร้องไห้โฮออกมา



สายตามองไปที่พิธีกรรมที่ใกล้จะจบลงแต่บันทึกสวรรค์ยุทธ์ของเขาก็ยังไม่เปิดออก



อายุสิบหกปีแต่บันทึกกลับไม่เคยถูกเปิดออก ซึ่งแทบจะไม่มีทางที่จะเปิดบันทึกสวรรค์ยุทธ์ได้ ในภายหลังก็เป็นได้เพียงคนธรรมดาสมัญเท่านั้น



ผู้คนต่างไม่สนใจเขา เหมือนกับดวงดาวดวงสุดท้าย ที่ไม่มีใครใส่ใจ



หลินเฟยก็เริ่มขอพรภาวนา หวังว่าจะเกิดปฏิหารย์กับลูกชายของเขา การเปิดสัญลักษณ์ ถึงแม้จะไม่สามารถเป็นจอมยุทธ์ได้ อย่างน้อยแค่มันก็ช่วยให้ร่างกายของเขาแข็งแรงขึ้นก็ดียิ่ง



ในขณะที่พิธีกรรมกำลังจะสิ้นสุด ความหวังของหลินเฟย กลายเป็นความผิดหวังอีกครั้ง



เมื่อจางลั่วเฉินคิดว่าตนไม่มีทางที่จะเปิดบันทึกสวรรค์ยุทธ์ได้ แร่หินอัณญมณีขาวก็ส่องแสงขึ้นเล็กน้อย



ก่อนที่จะสิ้นสุดพิธีกรรม ดวงดาวดวงสุดท้าย ร่วงลงมาจากฟ้า ตกลงที่คิ้วของจางลั่วเฉิน ปรากฏสัญลักษณ์สวรรค์ยุทธ์สีขาวขึ้น



“ว้าว!”



ความรู้สึกร้อน จากคิ้วลงมาทั่วทั้งร่างกาย



เปิดได้แล้ว!



จางลั่วเฉินตื่นเต้นมาก ในที่สุดก็เปิดบันทึกได้
เพียงแค่เปิดบันทึกได้ก็พอแล้ว ถึงแม้จะเป็นแค่ระดับหนึ่ง แต่เขาก็ไม่สนใจ   (เดี๋ยวรู้เทพทรูเป็นยังไง)



เดิมทีไม่มีใครสนใจจางลั่วเฉิน แต่ว่า ขณะที่จางลั่วเฉินเปิดบันทึกนั้นกลับดึงดูดทุกสายตาของคนให้มาจับจ้องที่เขา


“นั่นต้องไม่ใช่องค์ชายเก้า เขาอายุสิบหกแล้ว อีกทั้งร่างยังอ่อนแอ จะเปิดบันทึกสวรรค์ยุทธ์ได้ไงกัน ! "



ผู้คนส่วนมากต่างไม่อยากจะเชื่อสายตาของตัวเอง พวกเขามองไปที่จางลั่วเฉิน ด้วยความไม่เข้าใจ ?



องค์ชายหกและองค์ชายแปดที่ยืนอยู่ด้านข้างเขา ต่างแสดงสีหน้าประหลาดใจออกมา



นี่มันเป็นไปได้อย่างไร?



หลินเฟยมองไปที่จางลั่วเฉิน เมื่อเห็นสัญลักษณ์ที่คิ้วของเขา น้ำตาเอ่อล้นออกมาด้วยความดีใจ ก่อนจะรีบวิ่งเข้าไปหาจางลั่วเฉิน และกอดเขาอย่างแนบแน่น



“เฉินเอ๋อ ในที่สุดเจ้าก็ทำได้แล้ว! ทำได้แล้ว!"



ขันทีคนหนึ่งยืนข้างราชาหยุนอูจุ้น เดินมาด้านหน้าเขาพลางยิ้มและกล่าวว่า



“ขอแสดงความยินดีกับพระมเหสีหลินเฟย ในที่สุดองค์ชายเก้าก็เปิดบันทึกสวรรค์ยุทธ์ได้สำเร็จ!ราชินีต้องการให้เชิญองค์ชายเก้าไปเข้าเฝ้า นางอยากจะดูระดับบันทึกขององค์ชายเก้า!"



“ราชินี!”



สีหน้าของหลินเฟยพลันแข็งทื่อ นางรีบเอาจางลั่วเฉินไปแอบไว้ด้านหลัง



“ท่านแม่ พวกเราไปพบราชีนีกันเถอะ!"



เมื่อเห็นสีหน้าที่เปลี่ยนไปของหลินเฟย เขาคิดในใจว่า ดูเหมือนราชินีจะไม่ใช่คนดีซักเท่าไหร่ จะต้องระวังให้มาก




(อ่านได้ที่นี่ที่เดียวนะครับ  WGSD เทพจักรพรรดินิรันดร์กาล - จีนแปลไทย  เพราะแอดส่งตรงมาให้จากจีนเลยอิอิ)

ความคิดเห็น

  1. ผมอยากอ่านต่อ ต้องจ่ายเงินอย่างไร
    และจ่ายให้กับใคร

    ตอบลบ

แสดงความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

ตอนที่ 1 :แปดร้อยปีหลัง

ตอนที่ 757 จีวรศักดิสิทธิ์