ตอนที่ 224 ยอดฝีมือลึกลับ
ความสามารถของจื่อหยินหยางและประมุขน้อยแมงมุมพิษในด้านการต่อสู้นั้นแข็งแกร่งมาก หลิงชี่ในอากาศ ล้วนแต่ถูกพวกเขาดูดไป ราวกับเป็นจอมยุทธ์ขั้นสวรรค์สองคน ที่กำลังยืนอยู่สองฝั่งของถนน
บนถนนที่กว้างยี่สิบจ้าง ไม่เห็นคนแม้แต่คนเดียว ประตูของร้านค้าสองข้างทางก็ปิดหมด มีแค่จางลั่วเฉินที่แบกฉางชีชียืนอยู่อย่างโดดเดี่ยวคนเดียวกลางถนน
“ศิษย์...ศิษย์น้อง...จาง...เจ้า...เจ้าไม่ต้องสนใจข้า วางข้าลง...รีบไป...ไม่อย่างนั้น...เจ้าจะ...หนีไปไม่ได้...” ฉางชีชีอยู่บนหลังของจางลั่วเฉิน ส่งเสียงพูดออกมาด้วยน้ำเสียงอ่อนแรง และเจ็บปวด
“จะไปก็ไปด้วยกัน จะอยู่ก็อยู่ด้วยกัน”
จางลั่วเฉินขมวดคิ้ว แววตามั่นคงมาก เขาไม่ได้มีความคิดที่จะหนีออกไปคนเดียวเลย
ตอนนี้พวกเขาห่างจากวังหลวงไม่ไกล ขอแค่การต่อสู้ปะทุขึ้น จอมยุทธ์ที่แข็งแกร่งในวังลวง ก็จะรีบตามมา
ดังนั้น ก็ไม่ใช่ว่าเขาจะไม่มีโอกาสมีชีวิตรอดได้เลย
จางลั่วเฉินวางฉางชีชีลงที่พื้น แล้วเอายารักษาออกมา ใส่เข้าไปในปากของฉางชีชีแล้วกล่าวว่า “ศิษย์พี่ฉาง ท่านรักษาตัวก่อน ข้าจะต้องพาท่านออกไปได้แน่”
ฉางชีชีนั่งลงที่พื้น ใบหน้าไร้สีเลือด แม้แต่แรงจะพูดยังไม่มี เขาทำเพียงแค่ส่ายหัวให้กับจางลั่วเฉิน
หากว่าจางลั่วเฉินทิ้งเขาเอาไว้ บางทีอาจจะยังมีโอกาสมีชีวิตรอดไปได้
แต่หากจางลั่วเฉินอยู่ที่นี่ ก็ต้องตายอย่างไม่ต้องสงสัยเลย
จางลั่วเฉินยืนขึ้นใหม่ พลางจ้องไปที่จื่อหยินหยางที่ยืนอยู่ด้านบนแล้วกล่าวว่า “เจ้าก็คือประมุขน้อยของพรรคมารใต้ดิน ?”
“ไม่ผิด”จื่อหยินหยางกล่าวออกมา
จางลั่วเฉินกล่าวว่า “จากการฝึกฝนของเจ้า สามารถฆ่าข้าได้อย่างสบาย แต่ว่ากลับให้ข้าหนีออกมาได้ติด ๆ กัน เจ้ารู้มั๊ยว่าเป็นเพราะอะไร ?”
“หากว่าเจ้าอยากจะยืดเวลา รอให้คนมาช่วยเจ้า นั่นก็ผิดมหันต์แล้ว ประมุขของพรรคมารป้ายเยี่ยไปที่เมืองหลวงแล้ว ตอนนี้อ๋องอวิยอู่เองยังลำบากเลย” จื่อหยินหยางกล่าวออกมา
จางลั่วเฉินแสดงท่าทีสงบนิ่งแล้วกล่าวออกมาว่า “ในเมื่อเจ้าไม่อยากจะรู้ว่าเพราะอะไร ก็ช่างมันเถอะ คิดซะว่าข้าไม่ได้พูดแล้วกัน”
แววตาของจื่อหยินหยางเข้มขึ้น เขานิ่งไปชั่วขณะแล้วกล่าวออกมาว่า “ก็ได้ !ข้าจะให้โอกาสเจ้าพูดครั้งหนึ่ง !”
จางลั่วเฉินกล่าวว่า “ไม่ว่าจะเป็นวิถีมีดของเจ้า หรือว่าวิถีกระบี่ของเจ้า ล้วนแต่มีข้อด้อยขนาดใหญ่อยู่”
“ข้อด้อยอะไร ? ”จื่อหยินหยางกล่าว
จางลั่วเฉินยิ้มบาง ๆ ไม่ได้มีท่าทีว่าจะพูดอะไรต่อไป
ประมุขน้อยแมงมุมพิษกล่าวว่า “พี่จื่อ อย่าไปพูดไร้สาระกับเขาอีกเลย เขาจงใจจะพูดกระทบใจของท่าน แล้วสร้างข้อด้อยขึ้นมา ข้อด้อยที่เขาพูด ก็คือละครที่เขาแสดงออกมา”
“เกือบจะหลงกลเจ้าแล้ว จากที่ข้ามอง ให้เจ้าปิดปากตลอดไปเลยน่าจะดีกว่า”จื่อหยินหยางกล่าว
ไม่พูดไม่ได้ว่า เมื่อกี้ในใจของจื่อหยินหยางสับสนไปเหมือนกัน คิดว่ากระบวนท่าของตัวเองมีจุดอ่อน ยังไงจากการฝึกฝนของเขา การจะฆ่าจอมยุทธ์ที่พึ่งจะเลื่อนมาขั้นปฐพีซักคนกลับต้องเปลืองแรงขนาดนี้ เรียกได้ว่าผิดปกติมาก
พอคิดอย่างละเอียดแล้ว เขาถึงได้นึกออกว่า ในโลกนี้มีเพลงยุทธ์อะไรบ้างที่ไม่มีจุดอ่อน ?ก็เหมือนกับที่ในโลกนี้ไม่มีทางมีคนที่สมบูรณ์แบบ
“สวบ!”
จื่อหยินหยางลงมาจากยอดสิ่งก่อสร้างโบราณอันนั้น แล้วฟันกระบี่ออกมาสามครั้งติดกัน
ในนั้นมีกระบี่สองอันที่พุ่งมายังจางลั่วเฉิน ส่วนอีกอันพุ่งไปที่ฉางชีชี
จางลั่วเฉินหยิบมีดของฉางชีชีแล้วพุ่งไปข้างหน้า เขาฟันมีดออกไป เพื่อปัดให้กระบี่ที่พุ่งมาหาฉางชีชีกระเด็นออกไป
“เปรี้ยง!”
แต่ว่าจางลั่วเฉินกลับถูกกระบี่อันหนึ่งแทงเข้าให้ โชคดีที่ถูกเกราะกิเลนเพลิงน้ำแข็งต้านเอาไว้ได้ เพียงแค่ถอยไปสองก้าว ก็สามารถทำให้กำลังนั้นหายไปได้
“จื่อหยินหยาง เจ้าเองก็นับว่าเป็นยอดฝีมือของคนหนุ่มสาวเมืองเฮยในยุคนี้ หากว่ามีความสามารถก็พุ่งมาที่ข้า ทำไมต้องใช้คนที่บาดเจ็บมาบังคับข้า ?”จางลั่วเฉินกล่าว
จื่อหยินหยางกล่าวว่า “สำหรับนักฆ่าแล้ว ขอแค่สามารถฆ่าคนได้ จะใช้วิธีอะไรก็ได้ทั้งนั้น”
จื่อหยินหยางลงมืออีกครั้ง แล้วโจมตีไปที่ฉางชีชี
จางลั่วเฉินรีบเข้าไปขวางไว้ที่หน้าฉางชีชี มือทั้งสองกำมีดเอาไว้แล้วฟันออกไป
“รนหาที่ตาย ! ”จื่อหยินหยางกล่าวออกมาเสียงเย็น
“ฉึก!”
กระบี่เรียวมัจฉาแทงเข้าไปที่แขนซ้ายของจางลั่วเฉิน ขณะเดียวกัน มีดในมือของจางลั่วเฉินเองก็แทงไปที่คอของจื่อหยินหยาง
จื่อหยินหยางขมวดคิ้ว กำลังจะเก็บกระบี่เรียวมัจฉากลับมา กลับพบว่าจางลั่วเฉินใช้กล้ามเนื้อบริเวณแขนหนีบกระบี่เรียวมัจฉาเอาไว้ จนทำให้เอากระบี่กลับมาไม่ได้
เห็นได้ชัดว่า จางลั่วเฉินจงใจแสดงจุดอ่อนออกมา เพื่อให้เขาแทงไปที่แขนซ้าย
“คนบ้า!”จื่อหยินหยางกล่าวออกมาเสียงเย็น
จางลั่วเฉินเตรียมจะสู้ตาย แต่ว่าจื่อหยินหยางไม่ได้จะตายไปพร้อมกับจางลั่วเฉินด้วย
สถานการณ์ตอนนี้ จื่อหยินหยางทำได้แค่ต้องปล่อยกระบี่เรียวมัจฉาเท่านั้น เขาก้าวออกไปสองก้าวเพื่อหลบมีดที่จางลั่วเฉินฟันลงมาที่คอของเขา
จื่อหยินหยางคับแค้นใจมาก จางลั่วเฉินเป็นคนแรกที่สามารถทำให้เขาบาดเจ็บได้ และยังเป็นคนแรกที่บีบจนเขาต้องทิ้งกระบี่ได้ ที่สำคัญก็คือ การฝึกฝนของจางลั่วเฉินยังห่างกับเขาอีกไกล
ในฐานะที่เป็นหนึ่งในเจ็ดชายหนุ่มยอดเยี่ยมของเมืองเฮยแล้ว กลับมาถูกชายหนุ่มที่อายุสิบกว่าปี บีบจนถึงขั้นนี้ ถือว่าจื่อหยินหยางเสียหน้าอย่างมาก !
จางลั่วเฉินเองก็ไม่ได้ดี เขาบาดเจ็บหนักมาก
กระบี่เรียวมัจฉาแทงเข้าไปที่ไหล่ซ้าย แล้วส่งปราณกระบี่เข้าไปในร่างกายของจางลั่วเฉิน เส้นเอ็นและชีพจรของเขาสะเทือนไปหมด จนไร้ความรู้สึก
เขาอดทนต่อความเจ็บ แล้วก็ดึงเอากระบี่เรียวมัจฉาที่แทงตรงไหล่ซ้ายออกมา ร่างของเขายังคงยืนตรง แล้วจ้องไปที่จื่อหยินหยางพลางกล่าวว่า “เจ้าเดาว่าขั้นมีดของข้าสูงกว่า ?หรือว่าขั้นกระบี่ข้าสูงกว่า ?”
“ต่อให้ขั้นกระบี่ของเจ้าสูงกว่าก็ไม่สามารถเปลี่ยนเรื่องที่เจ้าต้องตายในวันนี้ได้”
จื่อหยินหยางกำนิ้วทั้งห้าแน่น แล้วแสดงท่าเท้าที่ยอดเยี่ยมออกมา ร่างกับเป็นพายุ พุ่งมาที่ด้านหน้าของจางลั่วเฉิน
กรงเล็บของเขา แหลมคมซะยิ่งกว่าดาบซะอีก นิ้วทั้งห้า มีลมปราณที่เยือกเย็นมาปกคลุมเอาไว้ แล้วกลายมาเป็นกรงเล็บที่แหลมคม
ได้รับผลกระทบจากลมปราณของจื่อหยินหยาง ในอากาศ ก็มีหิมะตกลงมา หิมะตกหนักขึ้นเรื่อย ๆ รัศมีก็กว้างขึ้นเรื่อย ๆ อุณหภูมิก็หนาวขึ้น
ร่างกายของจื่อหยินหยางเองก็สามารถสร้างปรากฏการณ์ประหลาดได้
“ควับควับ!”
จางลั่วเฉินใช้ขั้นกระบี่ใจรู้กันออกมา สะบัดกระบี่หนึ่งครั้ง กลับสามารถแสดงกระบี่ได้ถึงสิบสองกระบวนท่า จนบีบให้จื่อหยินหยางเข้ามาใกล้ร่างของเขาไม่ได้
“หยุดมือ!”มีเสียงหนึ่งดังขึ้น
ด้านนอก มีเงาร่างอรชรเงาหนึ่ง พุ่งออกมาจากในซอย
นางสวมชุดสีเขียว มีผ้าคลุมปิดหน้าไว้ รูปร่างเล็ก รอบกายนางมีลมปราณีขาวปกคลุมอยู่ จนทำให้มองหน้าตาที่แท้จริงของนางไม่ออก
พอเห็นหญิงสาวปรากฏกายขึ้น จื่อหยินหยางก็รีบหยุดมือ แล้วถอยออกไป พลางกล่าวเสียงเย็นว่า “เจ้าเป็นใคร ?กลับกล้ามาขวางไม่ให้ข้าฆ่าคน ?”
หญิงสาวที่คลุมหน้าเอาไว้คนนั้น หัวเราะออกมา ดูเหมือนจะแฝงความดูถูกอยู่หลายส่วนแล้วกล่าวว่า “อย่าว่าแต่เจ้าเลย ต่อให้ประมุขพรรคใต้ดินอยากจะฆ่าคน ข้าก็กล้าบอกให้เขาหยุดมือ นอกจากนี้ เขายังจำเป็นต้องหยุดด้วย”
“พูดจาใหญ่โตจริง ๆ ”
จื่อหยินหยางหรี่ตาลง แล้วแสดงความเร็วหนึ่งร้อยแปดสิบเมตรต่อวินาทีออกมา พริบตาเดียวก็หายไป แล้วไปโจมตีที่หญิงสาวที่ปิดหน้าคนนั้น
“สวบ ! ”
จื่อหยินหยางตาลาย ทันใดนั้น หญิงสาวคนนั้นก็หายไป
“ตูม!”
ด้านขวา หญิงสาวคนนั้นตบเข้ามา จนทำให้จื่อหยินหยางลอยออกไปกว่าสิบเมตร
ส่วนนางกลับยังยืนอยู่ที่เดิมไม่ได้ขยับไปไหน
“เป็นไปได้ยังไง ?” จื่อหยินหยางรู้สึกแค่ว่าเลือดลมในร่างกายปั่นป่วนไปหมด แขนทั้งสองราวกับถูกตัดขาด ต่อให้แค่ขยับนิ้ว มือทั้งสองยังเจ็บเข้าไปถึงกระดูก
ในบรรดาคนอายุน้อยยุคนี้ จื่อหยินหยางนับได้ว่าเป็นคนที่โดดเด่น ยังไม่เคยแพ้ใครมาก่อน
แล้วหญิงสาวคนนี้เป็นใครกันแน่ ?
ทำไมนางแค่ลงมือธรรมดา ๆ กลับสามารถทำให้การฝึกฝนที่เคยภูมิใจของเขาสลายไปได้หมด ?
ประมุขน้อยพรรคแมงมุมเห็นว่าสถานการณ์ไม่ดีแล้ว ก็รีบตามมา แล้วไปยืนข้างซ้ายของหญิงสาวคนนั้น แล้วแสดงท่าทีอยู่ฝ่ายเดียวกันกับจื่อหยินหยาง
“แม่นาง แทรกมือเข้ามาในเรื่องของเมืองเฮย เป็นพฤติกรรมที่ไม่ฉลาดเลย ข้าเตือนว่าเจ้ารีบหยุดมือจะดีกว่า” ประมุขน้อยแมงมุมพิษจับมีดโค้งในมือเล่นไป แล้วก็พูดออกมา
ในที่นี้มีแค่ประมุขน้อยแมงมุมพิษคนเดียวที่รู้ว่าจางลั่งเฉินมีพลังควบคุมมิติ ยังไงก็ไม่มีทางยอมให้คนนอกช่วยจางลั่วเฉินออกไปแน่
“หากว่าข้าไปถอยไปล่ะ ?”เสียงของหญิงสาวคนนั้นนุ่มนวล และยังให้ความรู้สึกเลื่อนลอย ฟังไม่ออกว่านางอายุเท่าไหร่กันแน่
ประมุขน้อยแมงมุมพิษกับจื่อหยินหยางสบตากัน แล้วโจมตีพร้อมกัน
ครั้งนี้ พวกเขาไม่มีการออมแรงไว้อีก ล้วนแต่ใช้กำลังทั้งหมด
ด้วยการช่วยเหลือของลมปราณ อาการบาดเจ็บของแขนทั้งสองก็ฟื้นฟูขึ้นมา กำลังของเขาไม่เพียงแต่ไม่อ่อนลงเท่านั้น กลับยังแข็งแกร่งขึ้นมาอีก
เห็นได้ชัดว่า ก่อนหน้านี้ที่สู้กับจางลั่วเฉิน เขายังไม่ได้ใช้กำลังทั้งหมด
“ตุบตุบ!”
ไม่นาน จื่อหยินหยางกับประมุขน้อยอมงมุมพิษก็ลอยออกไปพร้อมกัน พลางกระอักเลือดออกมาแล้วร่วงลงไปที่พื้น
พวกเขาคลานขึ้นมาจากพื้น ท่าทีดูไม่ได้ แล้วจ้องไปที่หญิงสาวที่ยืนอยู่กลางถนนอย่างตกตะลึง
“เจ้า…เจ้าเป็นจอมยุทธ์ขั้นสวรรค์ ?”ประมุขน้อยแมงมุมพิษกล่าว
หญิงสาวคนนั้นยิ้มออกมาแล้วกล่าวว่า “ไม่รู้เรื่องอะไรเลยจริง ๆ!การจะจัดการพวกเจ้า ทำไมต้องใช้จอมยุทธ์ขั้นสวรรค์ด้วย แค่จอมยุทธ์ในรายชื่อขั้นปฐพีก็ทำได้แล้ว”
จื่อหยินหยางกุมหน้าอกเอาไว้ ที่มุมปากมีรอยเลือด เข้าส่ายหัวแล้วกล่าวว่า “ในบรรดาคนหนุ่มสาวของเขาเทียนม๋อทั้งสามสิบหกประเทศ มีผู้หญิงแค่สองคนเท่านั้นที่เข้าไปอยู่ในรายชื่อขั้นปฐพีได้ เจ้าไม่มีทางเป็นหนึ่งในสองคนนั้นแน่”
“แล้วยังไง ข้าเป็นคนที่สาม”หญิงสาวที่ใส่ผ้าปิดปากไว้กล่าวขึ้นมา
จื่อหยินหยางกล่าวว่า “จากความสามารถของเจ้า เกรงว่าในจอมยุทธ์ในรายชื่อขั้นปฐพีก็คงอยู่อันดับต้น ๆ ”
ประมุขน้อยแมงมุมพิษกล่าวว่า “เหนือฟ้ายังมีฟ้าจริง ๆ วันนี้ข้ายอมรับแล้วว่าพ่ายแพ้ให้กับแม่นาง ข้ายอมรับได้ เพียงแต่ไม่รู้ว่า แม่นางมีชื่อว่าอะไร พวกเราจะได้รู้ว่ามาแพ้ให้กับใคร ?”
“หึหึ!พวกเจ้ายังรับข้าไม่ได้แม้แต่กระบวนท่าเดียว กลับยังอยากจะมารู้ชื่อของข้าหรือ ?ข้าไม่ฆ่าพวกเจ้า ก็เรียกว่าให้เกียรติเมืองเฮยมากแล้ว” หญิงสาวคนนั้นหัวเราะแล้วกล่าวออกมาเสียงเย็น
“รอให้ข้าเลื่อนไปถึงขั้นปฐพีระดับสูงสุดก่อน ข้าจะต้องมาประลองกับแม่นางใหม่แน่” ประมุขน้อยแมงมุมพิษกล่าวออกมาอย่างไม่เต็มใจ เขาพูดประโยคนี้ออกมาแล้วพาบรรดาจอมยุทธ์ชั่วของสามคมแมงมุมพิษจากไป
ขอแค่มีหญิงสาวสวมผ้าคลุมคนนั้นอยู่ ต่อให้จอมยุทธ์ชั่วของสามคมแมงมุมพิษทั้งหมดลงมือพร้อมกัน ก็ไม่สามารถจับจางลั่วเฉินได้ หรือบางทีอาจจะถูกนางฆ่าตายหมด
ความสามารถของหญิงสาวใส่ผ้าคลุมคนนั้นน่ากลัวมาก ลึกล้ำยากจะบรรยาย ประมุขน้อยแมงมุมพิษรู้สึกว่า ต่อให้การฝึกฝนของเขาเลื่อนไปขั้นปฐพีระดับสูงสุดได้ ก็เกรงว่าคงจะไม่สามารถรับนางได้ถึงสิบกระบวนท่า
สายตาของจื่อหยินหยางมองไปที่จางลั่วเฉิน แล้วจ้องไปที่กระบี่ในมือของจางลั่วเฉินพลางกล่าวว่า “ภายในสามเดือน ข้าจะต้องมาเอากระบี่เรียวมัจฉากลับคืนมาด้วยตัวเอง”
พอพูดจบ จื่อหยินหยางก็จากไป
ทั้งถนน เหลือเพียงแค่จางลั่วเฉินกับหญิงสาวที่ใส่ผึคลุมปิดหน้าไว้ กับฉางชีชีที่นอนหมดสติอยู่ที่พื้น
ทั้งสองคนสบตากัน แต่กลับไม่ได้พูดอะไรออกมา
แปลจากจีนขึ้นโดยเพจ
เข้าอ่านกลุ่ม VIP เพียงตอนล่ะ 2 บาทเท่านั้น !
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น